วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ 25 : SET วันนี้ที่ 1245

SET วันนี้ถูกหรือยัง ?

ตลาดหุ้นวันนี้ปิดที่ 1245 จุด โดยมี P/E อยู่ที่ 21.83 และ P/BV อยู่ที่ 1.68

หลังจากช่วงกลางเดือน ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ที่มีการขายกระจาย RSI < 30 

หลายคนอาจวิตกกับพอร์ตการลงทุนที่มีมูลค่าน้อยลงไป อาจเกิดความกังวลในเรื่องต่างๆ

ผมเองก็เช่นกัน แน่นอนว่าจิตใจคนย่อมมีในเรื่องของความโลภและความกลัว

เรื่องการซื้อหุ้น แล้วขอให้ หุ้นขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง

แต่ถ้าในทางกลับกัน ซื้อหุ้นแล้ว หุ้นลง ก็คงไม่เป็นสิ่งที่นักลงทุนพึงพอใจนัก

อย่างที่เห็นได้ชัดคือตอนนี้ SET ยังแกว่งตัวออกข้างเป็น Sideway ค่อนไปในเชิงปรับลงเล็กน้อย

ยังมีปัจจัยอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ 

  • GDP ของจีนที่กำลังจะประกาศ 
  • น้ำมันปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
หลายๆปัจจัยเหล่านี้ย่อมทำให้คนในตลาดกลัว และ เทขายออกไป 

เมื่อหุ้นมีความ ต้องการขาย มากกว่า ต้องการซื้อ ย่อมส่งผลต่อราคาที่ลดลง


หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเมื่อไหร่หุ้นจะขึ้นล่ะ ?

นักลงทุนต่างพูดเสมอว่า การคาดเดาตลาดเป็นงานของพระเจ้า 

แปลว่า เราไม่มีทางรู้หรอกว่าวันไหนหุ้นจะขึ้น จะมีปัจจัยอะไรบ้างที่หุ้นจะขึ้น

สิ่งที่พอจะช่วยได้สำหรับนักลงทุนสายเทคนิคอลคงเป็นสัญญาณต่างๆตามแต่ละ Indicator

แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว (VI) นั้นเชื่ออยู่แล้วว่าเราไม่สามารถที่จะคาดการณ์ตลาดได้

แล้วควรทำอย่างไรสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ ???

ผมเองก็ยังถือว่าอ่อนหัดทั้งประสบการณ์และฝีมือการลงทุน

แต่จากช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา 

ผมพบข้อผิดพลาดหลายอย่างมากๆที่ทำให้ ผลตอบแทนนั้นไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

สาเหตุหลักๆดังนี้
  1. ซื้อหุ้นพื้นฐานดี ในราคาไม่เหมาะสม พูดง่ายๆก็คือซื้อแพงไป ถ้าเราชอบกิจการนั้นๆ แต่เราไม่ได้ดูว่าราคานั้นเหมาะสมหรือไม่ โอกาสที่เราจะได้ผลตอบแทนที่ดีนั้นยากมาก อย่างแย่สุดๆเลยก็คือการขาดทุนในช่วงตลาดขาลง จริงอยู่ที่ว่า เราจะไม่มีวันขาดทุน ถ้าเรายังไม่ขายหุ้นนั้น  จริงอยู่ที่ว่า ซักวันหุ้นก็กลับมาเอง  ตรงนี้ผมคิดเสมอว่า VI ไม่ขายไม่ขาดทุน จริงๆแล้วมันจริงบางส่วน เพราะถ้าเราลองดูว่าช่วงระยะเวลาที่เราติดหุ้นจนกว่าจะกลับมาเป็นบวกได้มันต้องใช้เวลา บางครั้งอาจเป็นปี ซึ่งทำให้เราเสียโอกาสในการลงทุนในหุ้นตัวที่ดีกว่า
  2. ซื้อหุ้นโดยวิเคราะห์กิจการน้อยไป ประเด็นหลักๆเรื่องนี้ก็คือ เรามั่นใจว่ากิจการนี้ดีมากๆ ดูเหมือนจะเป็น Monopoly ขายอยู่เจ้าเดียว  นั่นถูกสำหรับแนวทางการซื้อหุ้น เพราะทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขั้นค่อนข้างมาก แต่อย่าลืมว่ากิจการเหล่านั้น มันอาจจะอิ่มตัวแล้ว ซึ่งไม่สามารถทำกำไรและเติบโตได้ดีดังเช่นอดีตที่ผ่านมา
  3. ปัจจัยบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นโครงสร้างของกิจการหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับกิจการนั้นๆ ซึ่งกว่าจะรู้นั้นก็เรียกได้ว่าสายไปเสียแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือจำเป็นต้องตัดสินใจขายไปเพื่อซื้อตัวอื่นที่ดีกว่า เพราะการติดหุ้นนานๆนั้นทำให้เราเสียโอกาสในอนาคตนั่นเอง (เราอาจมองว่าไม่เสียเงินถ้าไม่ขาย แต่มันจะเสียโอกาสในการลงทุนหุ้นที่ดีกว่า)

คำถามถัดมาก็คือ SET วันนี้เราควรทำอย่างไร

ผมถามตัวเองเสมอว่าวันนี้เราควรทำอย่างไรกับการลงทุนของตัวเองดี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจริตหรือวิธีการลงทุนของเรา คำตอบนั้นง่ายมากคือทำยังไงก็ได้ให้กำไร และไม่เสียเงิน พูดได้ง่ายมาก แต่เรื่องการทำนั้นยาก ประสบการณ์ของผมเองแบ่งเป็น 2 อย่าง นั่นคือใช้เทคนิคอลเก็งกำไร และ การลงทุนระยะยาว (VI)

ผมคิดว่า ไม่ว่าเราจะใช้แนวทางไหน ก็ต้องมีวินัยสำหรับแนวทางนั้น


สำหรับเทคนิคอล เราสามารถใช้ Indicator ดูได้ว่าเราควรจะเข้าซื้อหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น RSI MACD EMA อันนี้แล้วแต่ถนัด สิ่งสำคัญที่สุดคือ ถ้าผิดทางต้องรีบ Cut loss จะคัตตอนไหนก็แล้วแต่เราเลย อาจตั้งไว้ที่ 5% 10% ก็ได้ ส่วนถ้าไปถูกทางก็แบ่งขายเพื่อเอากำไร   

ตลาด Sideway ช่วงนี้ผมก็ลองวิชาอยู่บ้าง ก็มีกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่ถ้าเราทำตาม Cut loss แล้วจะไม่ส่งผลเสียหายต่อพอร์ตการลงทุนซักเท่าไหร่ถือว่าเป็นการฝึกวิชากันไป

สำหรับการลงทุนระยะยาว (VI) คงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า ซือแล้วจะลงต่อมั้ย  VI คิดเพียงว่า หุ้นนั้นถูกกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น ถ้ามี Upside 30% ขึ้นไปก็ควรเข้าซื้อ แต่ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่เราประเมินนั้นมันไม่เป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไป ก็สามารถแบ่งซื้อหุ้นได้ ซึ่งผมเองก็คิดว่ามีหุ้นหลายตัวในตลาดที่ราคานั้นลดลงมาค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่าเราอาจซื้อหุ้น หุ้นอาจลงต่อ ก็อย่าไปเสียใจ ให้คิดว่าเราได้หุ้นที่ดี ในราคาที่ถูกแล้ว ถ้ามันลงต่อ แล้วมีเงินก็ซื้อต่อ แต่ถ้าลงต่อแล้วไม่มีเงิน ก็อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร

แนวทาง VI นั้นค่อนข้างที่จะสมเหตุสมผล เพียงแค่ต้องใช้ระยะเวลาอดทนรอ บางหุ้นนั้นอาจยังไม่สะท้อนมูลค่า แต่ถ้าเวลาผ่านไป ตลาดจะปรับหุ้นนั้นๆให้ไปสู่มูลค่าที่เหมาะสมเอง

ถามว่าวันนี้ผมกลัวมั้ย ต้องตอบได้ว่ากลัว แต่ถ้าเรามั่นใจที่จะเลือกหุ้นดี ในภาวะตลาดแบบนี้ ย่อมได้หุ้นที่ราคาถูกกว่าคนที่กลัวแต่ยังไม่กล้าและไปเข้าตลาดในยามที่ตลาดนั้นกลับกลายเป็นขาขึ้นซึ่งก็อาจทำให้ไม่กล้าซื้อและราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นไปไกลแล้ว

ผมเองยังห่างไกลความสำเร็จ แต่สิ่งที่ผมได้มาช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผมได้ประสบการณ์การซื้อที่ทำให้ขาดทุน และผมเองก็เชื่อว่า ผมได้อะไรจากมันมามากกว่ามูลค่าพอร์ตการลงทุนที่เสียไป 

การก้าวเดินออกไป ตอนแรกเราอาจจะไม่รู้ทาง แน่นอนว่าประสบการณ์จะบอกว่าเราผิด เหมือนดังบทความของคุณบอย วิสูตร ที่กล่าวไว้ว่า เราจะเริ่มจาก ผิดตัวโตๆ ผิด ผิด ผิด และ เริ่มจะถูก หากวันใดที่มันเริ่มจะถูกแล้ว มันก็จะมีแนวโน้ม ถูก และ ถูกมากขึ้นเรื่อยๆ ผมขอให้กำลังใจนักลงทุนทุกท่าน รวมถึงตัวผมเอง  

วันนี้เรารู้ว่าความผิดพลาดคืออะไร และจะไม่นำมันไปใช้อีกในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น