วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ 23 : ตั้งเป้าหมาย


ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่แวะเวียนมาอ่าน หลายๆท่านด้วยนะครับ เนื่องจากไม่ได้อัพเดทบลอคค่อนข้างนานมากๆ เนื่องด้วยเหตุผลหลักที่ขาดวินัย และภารกิจต่างๆในปีที่ผ่านมาก็ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ไม่ได้เขียนกันค่อนข้างนาน

ในปีใหม่นี้เรื่องสุดฮิตอันดับต้นๆก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการตั้งเป้าหมาย

เอาจริงๆ ชีวิตมันจะดูไร้ค่า ถ้าเราปราศจากเป้าหมาย

ซึ่งถ้าใครติดตามแฟนเพจของพี่บอย วิสูตร ก็จะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ชีวิตเราทุกคนนั้นควรตั้งเป้าหมาย

ก็มีหนังสือแนะนำสำหรับคนที่อยากอ่านแบบเต็มๆ 

ก็ลองไปหาซื้ออ่านได้ครับ ชื่อหนังสือว่า "ฉันเปลี่ยนเพราะเขียนเป้า" ของพี่บอย วิสูตร นั่นเอง

เกริ่นกันมาซะยาว บทความนี้อาจจะแปลกๆ เพราะปกติเขียนแต่เรื่องเกี่ยวกับเงินและการลงทุน

ซึ่งไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมากมาย เขียนด้วยความเข้าใจ จากประสบการณ์ของนักลงทุนคนนึง

ที่มีเป้าหมายในชีวิตด้านการลงทุนและอยากจะบันทึกเรื่องราวเอาไว้สำหรับอ่าน

ในวันนึงที่ทำเป้าหมายของตัวเองสำเร็จเท่านั้นเอง...

เอาล่ะเข้าเรื่องกันดีกว่า

มาตั้งเป้าหมายกันเถอะ !!

เป้าหมายนั้นเราสามารถตั้งได้ 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี ก็ตามแต่ระยะเวลาของเป้าหมาย สั้น กลาง ยาว หรือเป้าหมายของชีวิต การเดินทางโดยไร้เป้าหมาย ก็เหมือนการล่องเรือในมหาสมุทรที่ปราศจาคเข็มทิศ
ตรงนี้หลายๆหนังสือหลายๆบทความก็ได้เขียนไปแล้ว

เราสามารถตั้งเป้าหมายเป็นอะไรก็ได้ 

ผมเชื่อว่า คนทุกคนสามารถเป็นได้ในสิ่งที่เขาอยากเป็น ถ้าเขาใช้เวลากับสิ่งนั้นๆ มากพอ

สำหรับใครที่ยังคิดไม่ออกลองตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับ

1.ตัวเราเอง
- เรามีความฝันอะไร ทุกวันนี้ชีวิตเราทำตามฝันนั้นหรือไม่ เราลืมความฝันในวัยเด็กไปแล้วหรือยัง อันนี้จะบอกว่าเขียนไปมันก็เหมือนๆ บทความอื่นๆ แต่สิ่งที่อยากให้ย้ำกับตัวเองก็คือ เราลองถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่าเราชอบอะไร และชีวิตเราเกิดมาเพื่อต้องการทำสิ่งนั้นหรือยัง และถ้าเรามีชีวิตอยู่ได้แค่วันนี้แล้วเรายังไม่ได้ทำ เราจะเสียใจที่เราไม่ได้ทำหรือไม่

2.เงิน
- แน่นอนว่า ชีวิตต้องใช้เงินหลายๆคนอาจจะบอกว่าไม่ใช่หรอก เงินไม่ใช่ทุกสิ่งไปอยู่บ้านดินกับลุงโจน ก็ได้ (ถ้าใครงง ลอง search โจน จันได ดู) เอาจริงๆชีวิตมันมีอะไรมากกว่านั้น สิ่งที่ลุงโจนพูดก็ไม่ได้ผิดว่า เราไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาเงินอะไรให้มันมากมาย สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี ที่สอนเราว่าเราสามารถติดดินได้ แต่ไม่ใช่ว่าไม่จำเป็นต้องมีเงิน ตรงนี้หลายๆคนมักเข้าใจผิดว่า คนรวยคือคนโลภ คนนิสัยไม่ดี เบียดเบียนคนจน ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่   ขุนเขาเสนอมุมมองเรื่องเงินว่า เงินเปรียบเสมือนแว่นขยาย ที่จะช่วยขยายสิ่งนั้นให้ใหญ่ขึ้น เช่น เราเป็นคนดี เราจะสามารถขยายความดีให้ยิ่งๆขึ้นไปได้ หากเรามีเงินเราก็ยังไปช่วยเหลือคนอื่นได้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่า คนดีหรือคนไม่ดี โดยผมมองว่าคนที่คิดว่าคนที่มีเงินนั้นเป็นคนไม่ดี ดังนั้นเราไม่มีเงินจะดีกว่า มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพียงเท่านั้น

3.ครอบครัว
- อันนี้ขอเขียนจากประสบการณ์ตรง ผมมีเพื่อนหลายๆคนพูดกับผมเสมอว่า ในวันที่เรายังมีพ่อแม่ มีครอบครัว มีคนที่เรารักและรักเราอยู่ เราควรจะตอบแทนเขาให้มากๆ การที่พวกเขาพูดในสิ่งเหล่านั้นที่ผมจดจำได้ดีเพราะว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ทำแบบนั้นแล้ว ดังนั้นเวลาที่เรากินข้าวกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นมื้ออาหารราคาถูก หรือมื้ออาหารราคาแพง มันไม่สำคัญเท่ากับว่า หากวันใดวันหนึ่งพ่อแม่เราไม่อยู่แล้ว ต่อให้เรามีเงินเป็นสิบๆล้านหรือร้อยล้าน เราก็ไม่สามารถปลุกท่านให้ฟื้นมากินข้าวกับเราได้ ดังนั้นครอบครัวจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรลืมในการตั้งเป้าหมายด้วย มีคำกล่าวว่า "เราไม่รู้หรอกว่าพรุ่งนี้กับชาติหน้า อะไรจะมาถึงก่อน เราไม่รู้หรอกว่ามื้ออาหารมื้อนั้นอาจเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายก็เป็นไปได้" ดังนั้นเราควรปฎิบัติต่อครอบครัวและคนที่เรารักให้ดีที่สุดในทุกๆวัน

4.งาน ,ความรัก,สุขภาพ และ อื่นๆ
- จริงๆทั้งหมดนี้ก็เป็นองค์ประกอบที่เราสามารถตั้งเป้าหมายเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงาน ความรักหรืออื่นๆ หากเราตั้งเป้าหมายเรื่องงาน เรื่องสุขภาพ ก็อย่าลืมวัดผลด้วยว่า ปีที่ผ่านมาเราทำงานได้ดีแค่ไหน และเราต้องพยายามเท่าไหร่เพื่อที่จะก้าวไปยังจุดถัดไป เพราะว่าเราไม่สามารถใช้ความรู้และประสบการณ์เดิมๆเพื่อที่จะก้าวข้ามไปยังจุดถัดไปได้

นอกจากนี้การตั้งเป้าหมายที่ดีนั้นก็ควรที่จะต้องสามารถทำได้จริงแบบสุดเอื้อมพอดี อย่าตั้งเป้าหมายแบบยังไงก็ทำได้ เช่น ฉันจะอ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่มต่อปี แบบนี้ก็ดูถูกตัวเองเกินไป 555+ อาจจะตั้งเป้าหมายว่า ฉันจะอ่านหนังสือให้ได้เดือนละ 1 เล่ม รวมทั้งปีก็ 12 เล่ม เพื่อที่จะมีความรู้ ตรงนั้นตรงนี้เพิ่ม

เอาล่ะทีนี้ถ้าเราตั้งเป้าหมายแล้ว มันก็อาจจะดูมีแรงบันดาลใจ แต่คนส่วนใหญ่ก็จะลืมใน 15 วัน(ทำการ)


เพื่อที่จะไม่ให้ลืมและก้าวไปสู่เป้าหมายนั้นเราอาจทำแบบพี่บอยก็ได้ 
ก็คือเขียนใส่กระดาษและแปะข้างฝาไว้
แต่ผมมีอะไรที่เด็ดกว่านั้น และตามเราไปได้ทุกที่

Smartphone ไง!!

เคล็ดลับของผมคือจดไว้ใน note ใน Smartphone ของท่าน 
ถ้าอายเพื่อนก็ไม่ต้องไปโชว์ให้เขาเห็น แต่อย่าลืมดูทุกเช้าที่ตื่น และ ก่อนนอนที่เราจะหลับ
อันนี้ยังปกติทั่วไป ผมมีเด็ดกว่านั้น ถ้าไม่เด็ดคงไม่มาเขียน เพราะหลายๆคนก็สามารถหาอ่านได้ทั่วไปอยู่แล้ว

การตั้งเป้าหมายนั้นจริงๆแล้ว สิ่งที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมายได้ เราต้องมีเป้าหมายย่อยๆเพื่อที่จะไปสู่จุดนั้น

ปีที่แล้วผมตั้งเป้าหมายไว้ 11 เรื่อง ทำได้จริง 6 เรื่อง พลาดเป้าไป 5 เรื่อง สังเกตดูว่ามันไม่ 100% จริงๆแล้วก็ทำได้เพียง 50% เท่านั้น แต่อย่าลืมว่า ถ้าเราทำได้ 50% ในทุกๆปี นั่นแปลว่าแต่ละปีเรามีวินัยในตัวเองที่สามารถทำตามเป้าหมายนั้นได้ 50% ถ้าเป็นเรื่องของการพัฒนาตัวเอง ก็แปลว่าเราเจ๋งขึ้นจากเดิมอีก 50% ในทุกๆปีนั่นเอง ไม่ต้องแข่งกับใคร ถ้าเรายังไม่ชนะใจตัวเอง ดังนั้นแข่งกับตัวเองให้ชนะเสียก่อน

เปลี่ยนเป้าหมายให้เป็น งานย่อยในแต่ละวัน!!

เอาเป้าหมายที่เราเขียนมาหลายๆข้อ มาย่อยเป็นงานที่เราต้องทำในแต่ละวัน เช่น
-ฉันจะสอบ single license หรือที่เรียกว่า หลักสูตรผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ 
ให้ได้ภายในระยะเวลา 1 ปี
แน่นอนว่ามันยังดูกว้างไปและยังไม่รู้ว่า เราจะเข้าใกล้มันได้ยังไง

อันนี้ที่ผมกำลังลองใช้กับตัวเองก็คือเขียนออกมาเป็นงานที่ต้องทำในแต่ละวัน
-ฉันจะอ่านหนังสือ ตลาดการเงินและการลงทุนในหลักทรัพย์ ทุกวัน วันละ 30 นาที ในช่วงเวลา - เวลา เราก็จะพอประเมินได้ว่า หนังสือมันมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งหมดกี่หน้า และเราอ่านได้วันละกี่หน้า และเราพร้อมที่จะไปสอบได้ประมาณเมื่อไหร่ และคิดว่าจะสามารถสอบได้ในครั้งแรกเลยหรือไม่ ทุกอย่างมันจะพอประเมินและกำหนดระยะเวลาของเป้าหมายได้

นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างนึงของเป้าหมายนึงที่ผมตั้งเอาไว้ในปีนี้  และคิดว่าน่าจะสามารถทำได้ ซึ่งในวันใดวันหนึ่งที่ผมสามารถทำเป้าหมายข้อนี้ได้สำเร็จ ก็จะมาอัพเดทกันอีกครั้งนึง

ขอให้ทุกคนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ครับ :)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น