วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตอนที่ 13 : เงินปันผล 16% เฮ้ย มีจริงดิ !!


เงินปันผล 16% มีจริงดิ ?

ผมก็เคยสงสัยนะว่าการถือหุ้นระยะยาว เอาจริงๆแล้วขอแค่ได้เงินปันผลปีละ 3-5% นี่ก็ถือว่าโอเคแล้วนะเพราะว่าสุดท้ายเงิน 3-5% เมื่อเรานับมาลงทุนต่อ มันก็จะกลายเป็นเงินต้นที่ถูกรวมไปปันผลในปีหน้าๆอีก 3-5% ทบต้นไปเรื่อยๆ สำหรับผมแล้วก็ยังคงตามคอนเซปต์เดิมอย่างที่เคยพูดไว้ตลอดคือนักลงทุนระยะยาว ต้องหาหุ้นที่ดี แล้วอดทนถือมันไปตลอด

วันนี้ผมขอพูดถึงกรณีศึกษากับหุ้นของผมเอง นั่นก็คือ JAS ผมซื้อเมื่อช่วงกลางปี 2556 ในราคาประมาณ 8 บาท หุ้นตัวนี้ผมซื้อไม่ทันช่วงปันผลเดือนมีนาคมปี 2556 เลยไม่ได้ปันผล 0.09 บาท ณ ตอนนั้น หลังจากนั้นมาก็ผ่านปี 2557 ซึ่งเงินปันผลที่บริษัทจ่ายออกมาก็คือ 0.25 บาท/หุ้น ถ้าคิดเป็น % ก็คือผมลงทุน 8 บาท ได้ปันผล 0.25 บาท มันคือ 0.25/8*100 = 3.125% และปีนี้ ผมจะได้เงินปันผลอีก 1.5 บาทต่อหุ้น นั่นก็คือ 1.5/8*100 =  18.75%  ถ้ารวม 2 ปีที่ผมถือมาก็คือจะได้ 21.875% เลยทีเดียวนั่นแปลว่าถ้า JAS ยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป ผมจะคืนทุนภายในระยะเวลาประมาณ 6-8 ปีเท่านั้น!! และหลังจากนั้นผมจะสามารถถือ JAS ต่อไปได้โดยสร้างกำไรให้ผมตลอดกาล (ถ้าบริษัทมันไม่เจ๊งนะ 555+)

สำหรับพื้นฐานของกิจการ 4 ปีย้อนหลังขอวิเคราะห์ดังนี้
  • ROA/ROE เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
  • กำไรต่อหุ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ
  • มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • เงินปันผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอน ราคาหุ้นมันก็จะพุ่งไปเรื่อยๆ (ผมซื้อตอน 8 บาท ตอนนี้ 8.95 บาท ราคาเพิ่มขึ้น 11.87% ใน 2 ปี อิอิ) อย่างที่ผมได้เคยบอกไปเมื่อเราได้ซื้อกิจการที่ดี เราไม่จำเป็นต้องขายมันออกไป ตามความเชื่อของคนส่วนใหญ่ก็คือ ตลาดหุ้น เราต้องซื้อๆขายๆมัน ซึ่งสุดท้ายแล้ววอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่มั่งคั่งที่สุดของการเข้าสู่ตลาดหุ้น ก็คือ "การลงทุนในหุ้น" นั่นเอง การลงทุนในหุ้นก็คือการซื้อหุ้นให้เหมือนกับซื้อกิจการ ซื้อแล้วก็ไม่ขายมันอีกเลย จนกว่ากิจการหรือบริษัทนั้นจะแย่ หรือมีการลงทุนอื่นๆที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

สำหรับ JAS ผมก็ถือมาโดยตลอด ซึ่งในระหว่าง 2 ปีนี้ก็มีวิกฤตที่ทำให้ราคาของ JAS นั้นลดลงอยู่ในช่วง 5 บาท (JAS ใน Port ผมตอนนั้น -37.5%) ทำให้เพื่อนผมบางคนขาย JAS ไปหมดพอร์ต  และก็ไม่ยุ่งกับมันอีก แต่สำหรับผม ผมไปเดินเล่นในห้างก็ยังพบว่า JAS นั้นก็ยังทำธุรกิจ ยังมีลูกค้ายังมีกิจการอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่น่าจะใช่ปัญหาระยะยาวที่จะทำให้บริษัทเจ๊ง เมื่อผมวิเคราะห์ดังนั้นแล้ว ผมก็ถือมันต่อไป

สำหรับนักลงทุนระยะยาว ถ้าหากเรามั่นใจว่าบริษัทที่เราลงทุนมันสามารถกลับมาได้ ตรงนี้คือจังหวะการลงทุนที่ดี เหมือนกับการได้สินค้าราคาถูกนั่นเอง

เอาล่ะมาลองดูว่า ถ้าเกิดเราซื้อ JAS ตอน 5 บาท เราจะได้อะไรบ้าง ?

1.ส่วนต่างของราคา  JAS วันนี้ราคา 8.95 บาท ถ้าคิดก็คือเติบโตขึ้น 79% ของราคา 5 บาทในช่วงวิกฤต
2.เงินปันผล ถ้าหากเราลงทุนตอนที่ JAS ราคา 5 บาทเราจะได้เงินปันผลทั้งหมด = 0.25+1.5 = 1.75 หรือคิดเป็น 1.75/5 * 100 = 35% เลยทีเดียว 

ซึ่งเราสามารถดูได้จากข้อมูลสิทธิประโยชน์ของ JAS นั่นเอง
http://www.set.or.th/set/companyrights.do?symbol=JAS&language=th&country=TH




หลายคนอาจจะมองว่า เฮ้ย แล้วจะไปซื้อตอนไหนล่ะ เมื่อไหร่มันจะกลับมา 5 บาทอีก 

ผมขอบอกว่า ก็รอวิกฤตไง 

อย่าลืมว่าวิกฤตก็ยังคงเป็นวิกฤตอยู่เหมือนเดิม 

แต่วิกฤตจะกลายเป็นโอกาสก็ต่อเมื่อ เราเตรียมพร้อมที่จะเผชิญมัน!!

หรือถ้าหากเรามั่นใจว่า JAS จะยังคงไปได้อีก ณ ราคา 8.95 บาท กับ % ปันผลในครั้งนี้คือ 1.5 บาท

คิดเป็น 1.5/8.95*100 = 16.75% 

เราก็สามารถที่จะเลือกตัดสินใจซื้อกิจการ หรือรอเก็บช่วงโปรโมชั่น (วิกฤตและข่าวร้าย)

ก็ได้ตามแต่ที่เราต้องการ

การเล่นหุ้นมีความเสี่ยง แต่ถ้าเราเปลี่ยนการเล่นเป็นการลงทุน 

ผลลัพธ์ที่ได้ มันก็จะต่างออกไป...โชคดีครับ!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น