วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตอนที่ 14 : กิจการที่ดี Vs กิจการที่แย่

มีกิจการแย่ๆบ้างไหม ?

ที่ผ่านๆมา ผมค่อนข้างเขียนถึงข้อดีของการลงทุน 
ซึ่งจริงๆการลงทุนมันก็ดีทั้งนั้นแหละ (เอ๊ะยังไง ?)

อ้าวแล้วทำไมบางคนลงทุนในหุ้นแล้วถึงเจ๊งหรือหมดตัวล่ะ ?

ผมขออธิบายในฐานะมือสมัครเล่นเท่าที่เข้าใจให้ฟังนะครับ

การลงทุนมันดีจริง เริ่มก่อนมีสิทธิ์ก่อน 
เพราะตัวแปรหนึ่งที่สำคัญก็คือเวลา ผมจึงอยากให้ทุกคน "ลงทุน"

ประเด็นคือ "เวลา" เมื่อมันผ่านไปแล้วเราไม่สามารถเอามันกลับมาได้

การลงทุนในบริษัทที่ดี (เติบโตอย่างน้อย 15%) เมื่อเวลาผ่านไปบริษัทก็จะเติบโต
ตามผลประกอบการ ของบริษัทนั้นๆ

แต่กรณีที่บริษัทมันแย่ เวลาที่ผ่านไปก็จะ "ทำร้าย" เงินลงทุนของเราได้เช่นกัน

สิ่งที่สำคัญที่ผมย้ำมาตลอดก็คือ ลงทุนในบริษัทที่ดี และ ถือมันไปตราบนานเท่านาน

เราอาจจะเห็นราคาหุ้นเด้งจาก 1 บาท กลายเป็นราคา 100 บาท ก็ได้ ในกิจการที่ดี

สำหรับกิจการที่แย่ เราก็อาจจะเห็นหุ้นราคา 1 บาท เด้งลงกลายเป็นราคา 0.01 บาท ก็ได้เช่นกัน

ดังนั้นความรู้ความเข้าใจจำเป็นต้องมี

ความรู้ที่ว่าอย่าเพิ่งไปคิดว่ามันยาก เพียงแต่เราต้องหัดอ่านและสังเกตให้ดีๆ

Checklist ที่ควรจะต้องสนใจและศึกษาที่ผมใช้ก็มีดังนี้
  • กิจการหรือบริษัทที่เราซื้อ เทรนมันเป็นอย่างไร อนาคตยังจะต้องใช้ไหม
  • งบการเงิน ผลกำไร ของบริษัทเป็นยังไง เติบโตอย่างต่อเนื่องมั้ย ถ้าไม่ เราก็ต้องไปเจาะลึกดูว่าเพราะอะไร
  • ช่วงวิกฤตมันจะยังรอดมั้ย บริษัทมีความสามารถที่จะกลับมาได้รึเปล่า (ตรงนี้จะได้หุ้นราคาถูก ถ้ากล้าซื้อนะ 555+)

ทีนี้เราลองมาดูกรณีศึกษาของหุ้นจริงๆกันบ้าง

หุ้นที่ว่านั่นคือบริษัท Apple และ Blackberry กันบ้าง 

โดยพิจารณากราฟราคา ระหว่างทั้งสอง



ผมรู้ว่าทุกคนต่างก็รู้ว่า ประมาณ 5 ปีก่อน คนรู้จัก Blackberry เยอะ

เพราะหนุ่มสาวต่างก็ใช้ BB ในการขอพิน ในการคุยกัน แต่สุดท้าย Apple 

ก็มาเอาชนะด้วย iphone ipad iต่างๆ นานา เป็นต้น

Apple สามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปได้และทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง BB เรียกได้ว่าชนะขาด

และ BB ก็ไม่สามารถกลับมาได้อีกเลย 

ถ้าเราดูตามกราฟ ราคาของ Apple เป็นลักษณะของเทรนขาขึ้น (ก็เพราะคนซื้อใช้เยอะขึ้น นิยมขึ้น)

ส่วนเทรนของ BB ก็สวนทางในปีที่มันแย่อย่างชัดเจน... และยังคงแย่ต่อไปเรื่อยๆ

มันก็ดูกันแค่ประมาณนี้แหละครับ

สำหรับหุ้นไทยและประสบการณ์ตรงของผมก็เคยเจอกิจการที่เคยดี กลายเป็นแย่... และเป็นหุ้นในอุตสาหกรรมที่ผมรู้จักดีครับ

ผมชั่งใจที่จะเขียนอยู่นานครับ แต่ผมว่าผมเขียนดีกว่าเพื่อเป็นประสบการณ์ไม่ให้คนอื่นมาผิดพลาดเหมือนผมอีก ซึ่งผมจะให้ดูเฉพาะงบการเงินของบริษัทนั้น แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อหุ้นนะครับ 




ถ้าเราสังเกตดูจะพบว่าช่วงปี 54 นั้นบริษัทเติบโตได้ดีอย่างมาก ไปจนถึงปี 55 (ราคาเติบโตขึ้น จาก 12.20 บาท ไป 14.60 บาท) และสุดท้ายเมื่อเข้าสู่ปี 56 งบการเงินของบริษัทนั้นแย่ลง ROA,ROE และ กำไรลดลง เมื่อเราดูให้ชัดอีกที ปี 57  (ราคาตกลงจาก 8.80 บาท เหลือ 3.80 บาท)เราจะพบว่า ROA ,ROE และ กำไรนั้น ติดลบ แต่ยังคงมีการจ่ายปันผลอยู่ (เป็นไปได้ไง เอาตังค์ที่ไหนมาจ่าย ?)

สำหรับหุ้นตัวนี้สำหรับผมเองก็ขอวิเคราะห์ว่าเพราะว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และพื้นฐานการบริโภคของลูกค้านั้นเปลี่ยนไปจึงทำให้เข้าข่ายว่าพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไป เป็นหุ้นที่ต้องเฝ้าระวังและหากคิดว่ากิจการหรือบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถกลับมาเป็นผู้นำด้านธุรกิจได้อีกต่อไป ทางออกเดียวคือ ต้องยอมขายทิ้งทุกราคา โดยไม่ต้องรอให้ราคาหุ้นเหลือ 0.01 บาทครับ สำหรับผมเอง ก็ได้ขายหุ้นนี้ทิ้งไปแล้วขณะที่ขาดทุนช่วงนั้นประมาณ 60% ครับ (แต่โชคดีที่ผมซื้อไว้ขำๆเพียง 100 หน่วยเท่านั้น ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากคนรอบตัวผมครับ ซึ่งมันก็เป็นจริงตามนั้น และบทเรียนครั้งนี้ผมก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากครับ 555+)

สรุปสุดท้ายคือ ต้องมองเทรนของบริษัทหรืออุตสาหกรรมนั้นๆให้ออกว่าอนาคตจะเป็นยังไง 10 ปี 50 ปี มันจะยังอยู่มั้ย แล้วจะมีอะไรที่จะทำให้เปลี่ยนแปลงให้ลูกค้านั้นหนีจากบริษัทที่เราถืออยู่ไปใช้สินค้าหรือบริการของบริษัทอื่น ไม่งั้นยิ่งลงทุนยิ่งเจ๊งแน่นอนครับ 

ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น