วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ 24 : กรณีศึกษาหุ้น JAS ภาค 2 !?



เกิดอะไรขึ้นกับ JAS !?

จากบทความ ตอนที่ 18 : กรณีศึกษาหุ้น JAS !? นั้นผมเองก็ได้ประเมินข้อมูลในช่วงเวลานั้น ซึ่งไม่สามารถเทียบได้เลยกับข้อมูล ณ ช่วงเวลานี้ 

จริงๆหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่ผมซื้อไว้ตั้งแต่ราวๆปี 2556 และซื้อเพิ่มอีกครั้งหลังจากเขียนบทความก่อน ก็คือช่วงปลายปี 2558 ได้ราคาที่ประมาณ 7 บาทและ 5 บาทกว่าๆ ตามลำดับ ทำให้ราคาเฉลี่ยตอนนี้อยู่ที่ราวๆ 5 บาทกว่าๆ ซึ่งถ้าเทียบกับราคาตลาดตอนนี้อยู่ที่ 3 บาทนิดๆเท่านั้น ถือได้ว่าพอร์ตการลงทุนของผมเองก็ติดลบหุ้นตัวนี้ค่อนข้างหนักประมาณ -40% เลยทีเดียว ถือว่าเป็นการติดลบที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร สาเหตุอันเนื่องมาจากการประมูล 4G ที่ค่อนข้างแพงไปไกลเกินกว่าที่นักลงทุนนั้นประเมิน คือราวๆ 7 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งนักลงทุนก็มองว่าเป็นเม็ดเงินที่ค่อนข้างสูงในการที่บริษัทนั้นได้ลงทุนไป อีกทั้ง JAS เองก็เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่ได้เข้ามาแข่งขันในการให้บริการ อินเตอร์เน็ตบนมือถือ ซึ่งการที่เข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่นั้น JAS เองก็ต้องเผชิญกับการต่อสู้แย่งฐานลูกค้าจากค่ายอื่นๆ ที่ยืนอยู่ในตลาดมานาน แต่ JAS ก็ยังมีฐานลูกค้าที่ใช้เน็ตบ้านอยู่และมองกลยุทธ์ว่าภายใน 3 ปีนั้นจะสามารถสร้างฐานลูกค้าได้ 5 ล้านราย ถ้าผมจำไม่ผิด แต่ยังไม่ทราบว่า ARPU นั้นเท่าไหร่ ทั้งหมดนี้ก็ต้องรอดู JAS เองว่าภายในปี 2559 นั้นจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนไหน โดยสัมปทานคลื่น 900 ที่ JAS ประมูลได้นั้นหมดสัญญาปี 2573 หรือประมาณ 14 ปีนั่นเอง สิ่งที่น่าคิดคือ ถ้าเกิดลองประเมินดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากนี้ แต่ที่แน่นอน นักวิเคราะห์หลายๆท่าน ก็ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับธุรกิจกลุ่มสื่อสารว่าจะไม่กำไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว จากการเข้ามาของ JAS ที่จะโหยหาฐานลูกค้ามาไว้ในมือให้ได้มากที่สุด ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไรต้องรอติดตาม

ถ้าลองประเมินรายได้คร่าวๆ

ผมขอวิเคราะห์จากความเห็นส่วนตัวแบบมโนๆ จากข้อมูลที่ JAS เองบอกไว้ว่าจะหาฐานลูกค้าให้ได้ 5 ล้านราย ใน 3 ปี โดยมองว่าส่วนของเน็ตมือถือนั้นจะเกาะลูกค้าระดับบน ซึ่งมี ARPU 500 บาท ในส่วนนี้ผมเองก็มองว่า ARPU ที่ตั้งมาอาจจะแพงเกินไป อีกทั้ง ฐานลูกค้า 5 ล้านรายที่บอกน่าจะไม่ใช่คนที่เป็นลูกค้าระดับบนทั้งหมด จึงขอตัด ARPU เหลือเพียง 250 บาท และมองอย่างลบที่สุดว่า จะไม่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของฐานลูกค้าอีกแล้ว ในปีถัดๆไป

ซึ่งการประเมินรายได้นั้นจะประเมินคร่าวๆดังตาราง



จากยอดการประมูล 4G ถ้าดูเลขกลมๆ จะคุ้มทุน 75 ล้านบาทได้ในปีที่ 7 กรณีนี้ยังไม่รวมค่าเช่าเสา ค่าตั้งเสา ค่าจ้างพนักงานอีก ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนนั้นเท่าไหร่ อันนี้คือการประเมินจากข้อมูลที่ได้ทราบจากข่าวซึ่งเป็นสิ่งที่ JAS คาดหวัง ผมขอออกตัวไว้ก่อนว่าผมวิเคราะห์ขึ้นมาเอง ห้ามเชื่อผม และ นี่ไม่ใช่ตัวเลขที่ถูกต้องทั้งหมดอย่างแน่นอน ภาพกว้างที่ประเมินดูคือ จะคุ้มทุนหรือไม่ และกำไรหรือเปล่า ซึ่งจุดคุ้มทุนจากการประเมินคร่าวๆนั้นบอกว่าปีที่ 7 นั้นน่าจะพออยู่ในจุดนั้นๆได้ 

สุดท้ายแล้วปัจจัยทั้งหมดนั้นอาจต่างจากตารางนี้ซึ่งจะเป็นไปตาม
1.จำนวน User ที่ JAS จะหาได้ในแต่ละปี (ผมเองประเมินตามข้อมูลที่ JAS สัมภาษณ์คือ 5 ล้าน User ใน 3 ปี และ ตั้งแต่ปีที่ 4 จะ Growth ปีละ 3%) สำหรับ 2 ปีแรก ผมมองให้ 0 เลย เนื่องจากน่าจะยังมีความไม่พร้อมในหลายๆอย่างและรายรับที่เข้ามานั้นไม่น่าจะมากสักเท่าไหร่

2.ARPU จริงๆ (ผมประเมินที่ 250 บาทและ Growth ปีละ 3% เช่นกัน)

3.ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ เช่น ค่าเช่า ค่าตั้งเสา ค่าดอกเบี้ยจากหนี้ต่างๆ

สำหรับ JAS ที่เข้ามาแข่งขันในตลาดอินเตอร์เน็ตมือถือนั้นจะรุ่งหรือร่วง นั้นตอนนี้ผมเองก็ไม่สามารถตอบได้ชัดเจนนักจนกว่าจะได้เห็นรายได้ที่เข้ามา ซึ่งกว่าจะทราบนั้นก็คิดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปี ซึ่งน่าจะรับรู้ได้บ้างในส่วนของ User และ ARPU ของปี 2559 

การลงทุนนี้ผมผิดพลาดหรืออย่างไร ?

เป็นคำถามที่น่าคิด ผมเองก็มีทั้งจุดที่วิเคราะห์ด้านดีและข้อผิดพลาดดังนี้

  • ในส่วนของการประมูลที่ค่อนข้างบ้าคลั่งในเรื่องของราคาประมูลนั้นส่งผลต่อราคาของหุ้น และมูลค่าก็ได้ลดลงเนื่องจากราคาประมูลที่แพงเกินไป จนทำให้นักลงทุนต่างทยอยขายหุ้น แต่ผมยังไม่ขาย สำหรับหุ้นตัวนี้ ผลที่เกิดขึ้นคือลบ 40% ซึ่งสร้างความเสียหายของพอร์ตค่อนข้างเยอะ แต่เอาจริงๆถ้ามองด้านการลงทุนระยะยาวนั้นเลข 40% ก็ถือว่ายังดูน้อยไปที่จะทดสอบหัวใจ VI หรือผมดื้อเอง ??
  • โครงสร้างกิจการเปลี่ยนไปไหม ? สำหรับนักวิเคราะห์และเซียนหลายๆคนบอกว่าการมี JAS เข้ามานั้น JAS ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งฐานลูกค้า จุดที่แย่ที่สุดคือการพากันลดราคาเพื่อแย่งฐานลูกค้า ทำให้กำไรของกิจการกลุ่มสื่อสารนั้นแย่ลง ผมมองข้อนี้ต่างเล็กน้อยตรงที่ว่า ถ้าเกิด 4G นั้นแรงกว่าเน็ตบ้าน อาจทำให้ทุกค่ายที่มีสัปทานในการให้บริการ 4G นั้นได้เปรียบ ผมมองกรณี 4G และ การใช้งานอย่างไม่มีข้อจำกัดนะครับ ถ้าเป็นเคสนี้ โครงสร้างอาจเปลี่ยนในแง่ดีก็คือลูกค้าที่ใช้เน็ตบ้าน อาจมายอมจ่ายให้กับ 4G ก็ได้ เช่นตัวผมเองจ่ายเน็ตบ้านราคาประมาณ 800 บาทต่อเดือน เน็ตมือถืออีกราวๆ 400-500 บาทต่อเดือน รวมๆเดือนๆนึงก็ราวๆ 1,200 บาท ถ้าเกิดมีโปรโมชั่นเน็ตราคา 1,000 บาทใช้ได้ทั้งบ้านและมือถือ ผมอาจจะยอมจ่ายก็ได้ (ลดราคาจากเดิมตั้ง 200 แน่ะ)
  • ราคาหุ้นตอนนี้ต่ำไปหรือไม่นั้น เราต้องดูผลประกอบการ อย่าสนใจข่าวลือ และไม่ควรคาดการณ์ตลาด เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ
  • สำหรับผมเองถามว่าตอนนี้กลัวมั้ย ตอบว่า กลัวบ้างนะครับ แต่ก็ยังอยากรอดูกลยุทธ์ของ JAS ต่อไปว่าจะเดินหมากอย่างไร ผมอาจจะผิดที่ดื้อถือต่อ หรือผมอาจจะถูก อันนี้ไม่มีใครตอบได้ ต้องบอกว่าเงินกระเป๋าใครกระเป๋ามันครับ 555+ แต่ทุกอย่างที่ได้รับจะเป็นประสบการณ์หากครั้งนี้ที่ผมลงทุนนั้นผิดพลาดไป จริงๆอันนี้เขียนก็เพื่อให้ตัวเองในอนาคตมาอ่านความคิดตอนนี้ด้วยครับ
สุดท้ายแล้วผมเองก็ยังถือว่าเป็นมือใหม่ในการลงทุนและการวิเคราะห์ต่างๆ ยังต้องการประสบการณ์อีกมาก ท่านใดที่เผลอหรือแวะเข้ามาอ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร หรือผมมองผิดตรงไหนก็สามารถชี้แนะได้ครับ ยินดีครับ และขอให้โชคดีทุกท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น