วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตอนที่ 12 : เริ่มต้นลงทุนในหุ้นกันเถอะ


ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนเราต้องปรับความเข้าใจกันนิดนึงก่อนนะครับ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมเวลาพูดถึงเรื่องหุ้น คนมักจะมองว่า
เฮ้ย!! 
  • ต้องมีเวลาจ้องหน้าจอตลอดเวลา 
  • ต้องเก่งเรื่องตัวเลขมากๆ 
  • ต้องดูหุ้นทุกวัน 
  • หุ้นตกคือเราลงทุนผิด
  • หุ้นขึ้นคือเราลงทุนถูก
  • มันเป็นเรื่องน่าปวดหัว
ซึ่งผมจะบอกว่า ความเชื่อเหล่านี้มันถูกครึ่งนึงเพราะว่าจริงๆแล้ว เราจะดูจอทุกวัน จะดูหุ้นทุกวัน หรือไม่มันก็แล้วแต่ครับว่าเราเลือกที่จะลงทุนแบบไหน ถ้าเราเข้าใจว่าการลงทุนแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร การลงทุนในหุ้นจากที่เรามองว่ามันเป็นเรื่องที่ยากและปวดหัว เราจะมองมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆได้เลยล่ะครับ

การลงทุนในหุ้นนั้นถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท

แบ่งได้ดังนี้
  • การลงทุนระยะสั้น
  • การลงทุนระยะยาว
ในส่วนนี้เราต้องแยกให้ออก ว่าเราเหมาะกับการลงทุนแบบไหน ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกันแต่สำหรับผมแล้ว อยากให้ลองทั้ง 2 แบบ ทั้งลงทุนระยะสั้นและลงทุนระยะยาว 

แต่ขอให้แบ่งเงิน 70-80% ไว้ในการลงทุนระยะยาว และแบ่งเงิน  20-30% ไว้ในการลงทุนระยะสั้นครับ ในส่วนนี้ผมจะบอกให้ฟังอีกทีในภายหลังถึงเหตุผลของการแบ่งพอร์ตการลงทุนแบบนี้อีกครั้งนึงครับ ซึ่งเราต้องเข้าใจก่อนว่าการลงทุนแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร

การลงทุนระยะสั้น

  • ทำกำไรจากส่วนต่างของราคา (ซื้อถูก ขายแพง)
  • สามารถซื้อเช้า ขายบ่าย ซื้อบ่าย ขายเย็น ได้ตามแต่ราคาหุ้นที่วิ่งในแต่ละวัน
  • ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
  • ไม่ต้องสนใจพื้นฐานของกิจการ
  • เป็นการหารายได้แบบ Active Income เพราะเราต้องซื้อขาย ต้องตามเป็นรายวัน รายสัปดาห์
  • ต้องรู้จัก Stop Loss หรือการตัดขาดทุน กรณีที่หุ้นมันไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวัง
  • ทักษะที่จำเป็นต้องมีสำหรับสายนี้คือ Technical Analysis (ไว้ผมจะเขียนอธิบายในตอนถัดๆไป)
  • เรียกว่าสายนี้ว่านักเล่นหุ้นหรือนักเก็งกำไร

การลงทุนระยะยาว

  • ราคาหุ้นเติบโตตามพื้นฐานของบริษัท บริษัทที่ดี เมื่อเวลาผ่านไป ราคาก็จะสูงขึ้นตามซึ่งจะทำให้เงินที่เราลงทุนไปก็จะเติบโตตามราคาหุ้น และทุกๆปีก็จะได้เงินปันผลเข้าบัญชีของเราเรือยๆ
  • ซื้อเมื่อบริษัทเหล่านั้นมีปัญหา หรืออยู่ในวิกฤต โดยเราต้องแน่ใจว่าบริษัทนั้นสามารถกลับมาได้ โดยพื้นฐานของบริษัทนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
  • ขายเมื่อ พื้นฐานของบริษัทนั้นเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง หรือมีบริษัทอื่นที่เป็นคู่แข่งทำกำไรได้เหนือกว่า
  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอด ซื้อแล้วลืมได้เลย
  • ต้องตรวจสอบพื้นฐานของกิจการ ต้องอ่านงบการเงิน และ วิเคราะห์บริษัทเป็น 
  • ต้องเปรียบเทียบผลประกอบการในแต่ละปี ในแต่ละไตรมาส ว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร
  • เป็นการหารายได้แบบ Passive Income โดยลงทุนซื้อหุ้นเหมือนซื้อกิจการ และรอรับเงินปันผลจากผลกำไรของบริษัท
  • ทักษะที่จำเป็นต้องมีสำหรับสายนี้คือ Fundamental Analysis (ไว้ผมเขียนอธิบายในตอนถัดๆไปเช่นกัน)
  • รวยช้า แต่รวยมาก
  • เรียกสายนี้ว่านักลงทุนในหุ้น
สำหรับผมแล้วผมยังคงเชียร์ให้พยายามนำเงินส่วนใหญ่มาลงทุนระยะยาว เพราะว่า ในชีวิตคนเราควรจะทุ่มเทเวลาให้กับเรื่องที่ตัวเองชอบหรือเรื่องที่ตัวเราเองนั้นต้องทำ ส่วนเรื่องการลงทุนนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของการใช้เงินทำงานเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เราจะดีกว่าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น