วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตอนที่ 4 : Mindset กับ การเงิน


Mindset

คือกระบวนการทางความคิด ทัศนคติ และมุมมองต่างๆของคน Mindset มีผลอย่างมากที่จะทำให้คนเรานั้นแตกต่างกัน ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็ต่างกันตรง Mindset 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือคนที่มี Mindset ที่ถูกต้อง หรือมีวิธีคิดที่ถูกต้องนั้นต่อให้ทำธุรกิจเสียเงินจนหมดตัวก็สามารถที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนคนที่ไม่มี Mindset เกี่ยวกับการเงินที่ถูกต้อง หากได้เงินจำนวนมากมาก็จะไม่รักษาเงินนั้นๆไว้ได้

สำหรับการดำเนินชีวิต คนเราต้องมีการตั้งเป้าหมาย การตั้งเป้าหมายนั้นสำคัญแต่วิธีการไปสู่เป้าหมายนั้นสำคัญกว่า หลายคนอาจจะมองว่า โอเค ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ แน่นอนการทำวันนี้ให้ดีที่สุดนั้นใช่ แต่หากไม่มีเป้าหมายว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุดไปเพื่ออะไร มีจุดประสงค์อะไร มันก็ไม่ต่างจากการอยู่ไปวันๆ ดังนั้นทำวันนี้ให้ดีที่สุดไม่พอต้องทำให้ตรงตามเป้าหมายที่เราวางไว้ด้วย เหตุผลหนี่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่นั้นไม่ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการเงินนั่นก็คือ

ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับเงิน

  • ใช้ก่อน ออมทีหลัง
  • ไม่เข้าใจว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน
  • ซื้อของตามความอยากหรือสิ่งของที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต สิ่งของเหล่านี้นับวันยิ่งเสื่อมค่า ไม่ใช่ทรัพย์สินที่จะเพิ่มมูลค่าได้เมื่อเวลาผ่านไป
  • ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน 
  • และยังใช้เงินมากขึ้นเมื่อเงินเดือนเพิ่มขึ้น
  • ถูกปลูกฝังมาว่าให้เก็บเงินก้อนนึงไว้ใช้ยามแก่ และ ไม่รู้จักการลงทุน
  • ไม่คิดถึงความเสี่ยงในเรื่องของการทำงาน
ปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเป็นกับดักที่ทำให้เงินมีอำนาจเหนือเรา บางคนเลือกที่จะซื้อรถโดยไม่จำเป็น เพราะมีความเชื่อที่ว่าการซื้อรถคือความภาคภูมิใจอย่างนึงในชีวิต การมีรถนั้นจะช่วยให้สะดวกสบายจริง แต่อย่าลืมว่าภาระที่เราต้องจ่ายกับรถนั้นมันมากแค่ไหน การซื้อรถจะก่อให้เกิดรายจ่ายรายเดือน หรือที่เรียกว่า passive expense หมายความว่าเราต้องจ่ายมันทุกเดือน ถึงแม้ว่าเดือนนั้นเราไม่มีงานเราก็ต้องการค่าผ่อนค่างวดรถนั่นเอง สำหรับมนุษย์เงินเดือนนั้นอาจจะใช้เวลาผ่อนรถนานถึง 5 ปีเลยทีเดียว ซึงนั่นหมายความว่า 5 ปีนั้นคุณต้องสามารถทำงานประจำ หรือสร้างรายได้ ได้อย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะมาผ่อนรถนั่นเอง และพอหลังจาก 5 ปีนั้น เราก็จะอยากได้รถคันใหม่ เพราะว่ารถคันเก่านั้นมันตกรุ่นและเก่าแล้ว ก็จะเกิดวงจรซ้ำๆเดิมไปเรื่อยๆนั่นเอง

บางคนอาจจะคิดว่า เราจะเก็บเงินได้ก็ต่อเมื่อเรามีเงินเดือนเยอะขึ้น ซึ่งมันไม่จริง เพราะถ้าวันนี้เราใช้เงินเดือนของเราหมดในทุกๆเดือน วันหน้าเรามีเงินเยอะขึ้น และสุดท้ายมันก็จะไม่มีเหลือเหมือนเดิม สิ่งที่ผิดไม่ใช่ว่าเงินเดือนน้อย หากแต่เพราะเราไม่คิดจะเก็บเงินไว้ต่างหาก

ประเด็นสำคัญคือ เราสามารถซื้อสิ่งของตามความอยากของเราได้ แต่อย่าลืมว่าเงินทุกๆบาท ทุกๆสตางค์ที่เราได้จ่ายออกไปนั้นมันคุ้มค่ากับเรามากแค่ไหน ถ้าหากเราจ่ายเงินกับบางสิ่ง เราก็จะเสียต้นทุนทางโอกาสที่จะได้ลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในอนาคตนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น