เริ่มที่ไหนดีล่ะ ?
ก่อนจะดูว่าเราจะเริ่มลงทุนที่ไหนดี จุดเริ่มต้นที่เป็นหัวใจของมันเลย นั่นคือ "การออม"
ในหนังสือเรื่อง The Richest Man in Babylon นั้นแนะนำว่า เราควรจะเก็บออมเงินของเรา 1 ใน 10 ส่วนหรือความหมายเดียวกีบ 10% ของเงินทั้งเดือนที่เราหาได้นั่นแหละ
เพราะเงินจำนวนเท่านี้จะไม่มากเกินไปที่จะทำให้รายจ่ายในการดำเนินชีวิตของเรานั้นมากเกินไป
ตัวอย่างเช่น เงินเดือน 10,000 บาท เราก็ควรจะออมให้ได้เดือนละ 1,000 บาทนั่นเอง
แล้วจะลงทุนที่ไหน ?
ผมคงไม่แนะนำให้ฝากเงินไว้กับธนาคาร ไหนๆเราจะมาเป็นนักลงทุนทั้งที ขอแนะนำกองทุนหรือไม่ก็หุ้นไปเลย
ลงทุนในกองทุนหรือหุ้น มันเสี่ยงไม่ใช่เหรอ ?
ถูกต้องครับ มันเสี่ยง แต่ด้วยความเชื่อนี้เองทำให้คนส่วนใหญ่ยังคงมองว่าการฝากเงินในธนาคารนั้นดีกว่า แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย การฝากเงินกับธนาคารนั้น เงินต้นเราไม่หายก็จริง แต่อย่าลืมว่า ดอกเบี้ยที่ได้นั้นมันน้อยกว่า "เงินเฟ้อ"
แปลว่าอะไร...
แปลว่าอะไร...
มันก็แปลว่า ยิ่งเราฝากตังไปเรื่อยๆ พอผ่านไปในแต่ละปี เงินเราจะโตไม่ทันเงินเฟ้อ (อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.5-2%) ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ ประมาณ 2.5-3% ในแต่ละปี อธิบายง่ายๆเหมือน เรามีเงิน 100 บาท ผ่านไป 1 ปี เราจะได้ดอกเบี้ยรวมเงินต้นประมาณ 102 บาท (ได้ 2%) แต่อย่าลืม เมื่อผ่านไป 1 ปี อัตราค่าของชีพและเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในระดับ 3% แปลว่าเงินเราเติบโตแบบน้อยลงเรื่อยๆ(-1%) เราได้เงิน 102 บาท ฟังดูเหมือนเงินมากขึ้น แต่มันคือกับดัก เพราะข้าวของในแต่ละปีนั้นเผลอๆบางทีแพงขึ้นกว่าอัตราเงินเฟ้อด้วยซ้ำ ธนาคารจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักในการลงทุน
แต่ผมก็แนะนำอีกเช่นกันว่าก่อนที่จะลงทุนควรจะมีเงินเก็บอย่างน้อย 6 เดือนไว้ในธนาคาร เพื่อเป็นเงินสำรองในการใช้ชีวิต กรณีฉุกเฉิน เช่น ถูกให้ออกจากงาน หรือเกิดเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่คาดฝันที่จำเป็นต้องใช้เงินต้นจำนวนมากนั่นเอง ผมมองว่านี่คือจุดประสงค์เดียวที่เราจำเป็นต้องฝากเงินกับธนาคาร
เหตุผลที่ต้องลงทุนในกองทุนหรือหุ้น
ที่ผมแนะนำว่าเป็นกองทุนหรือหุ้น เพราะว่ามันให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยแล้วมากกว่า 10% ต่อปีนั่นเอง ซึ่งนอกจากกองทุนหรือหุ้นแล้ว ก็ยังมีคอนโด บ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่จะให้ผลตอบแทนประมาณ 10% ต่อปีเช่นกัน แต่การลงทุนในกองทุนหรือหุ้นนั้น เราจะมีสภาพคล่องสูงกว่าคอนโดหรือบ้าน พูดง่ายๆคือ เราซื้อขายกองทุนหรือหุ้นง่ายกว่าเราซื้อขายบ้านนั่นเอง
มาถึงตรงนี้หลายคนน่าจะยังคงกังวลและสงสัยอยู่ ผมว่าก็ไม่แปลกเพราะคนเราถูกปลูกฝังมาว่า อย่าไปยุ่งกับหุ้นเลย ถ้าไม่อยากหมดตัว หรือแม้กระทั่งคนฆ่าตัวตายเพราะเจ๊งหุ้นมาก็เยอะ ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ผิดครับ เพราะว่า คนที่เจ๊งจากตลาดหุ้นมันมีมากเกินกว่า 80% น่ะสิ
อะๆๆๆ อ้าวววว แล้วจะมาแนะนำให้ลงทุนในหุ้นทำไม
ผมขอบอกว่าใจเย็นๆๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกล อย่าเพิ่งคิดว่ามันน่ากลัว ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป
ติดตามได้ในบทถัดไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น